กสส. หนุนสมาชิกในพื้นที่บางระกำโมเดล ปลูกข้าว กข43

         นายพิเชษฐ์ วิริยะพาหะ อธิบดีกรมส่งเสริมสหกรณ์ เปิดเผยว่า จากการลงพื้นที่ จ.พิษณุโลก และ จ.อุตรดิตถ์ เมื่อสุดสัปดาห์ที่ผ่านมา ตนได้เข้าไปเยี่ยมสหกรณ์และสมาชิกสหกรณ์เพื่อรับฟังปัญหาและรับข้อเสนอแนะในการพัฒนาสหกรณ์และสมาชิกสหกรณ์ โดยจุดแรกไปที่สหกรณ์การเกษตรพรหมพิราม จำกัด จ.พิษณุโลก รับฟังปัญหาในการรวบรวมรวมข้าวเปลือกของสหกรณ์ตลอดจนรับฟังความคิดเห็นของสมาชิกสหกรณ์ผู้ทำนา และจุดที่ 2 เข้าไปรับฟังความคิดเห็นจากกลุ่มสมาชิกสหกรณ์ผู้ปลูกผัก สังกัดสหกรณ์การเกษตรลับแล จำกัด จ.อุตรดิตถ์ พบปัญหาหลักของกลุ่มนี้ คือยังไม่มีตลาดที่แน่นอนและสมาชิกต้องปลูกผักแบบปลอดภัย ทั้งนี้ได้มอบสำนักงานสหกรณ์จังหวัดให้ดำเนินการร่วมกับสหกรณ์ให้เร่งเข้าไปช่วยเหลือสมาชิกต่อไป
         นอกจากนี้ ยังได้ติดตามความก้าวหน้าในการดำเนินโครงการบางระกำโมเดล ซึ่งมีพื้นที่ครอบคลุม 4 อำเภอใน จ.พิษณุโลก รวม 179,157 ไร่ โดยกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ วางแผนบริหารจัดการผลผลิตข้าวในพื้นที่ดังกล่าว ด้วยการปรับปฏิทินการเพาะปลูกข้าวในเขตพื้นที่ลุ่มต่ำให้เร็วขึ้น เพื่อให้สอดคล้องกับแผนการบริหารจัดการน้ำ และส่งเสริมให้เกษตรกรเริ่มเพาะปลูกข้าวในช่วงเดือน เม.ย.ของทุกปี
         อย่างไรก็ตาม พันธุ์ข้าวที่เกษตรกรนิยมปลูกทั้ง พันธุ์พิษณุโลก 2, กข.61, กข.41 และ กข49 นั้น เป็นข้าวอายุสั้นเหมาะสมกับสภาพพื้นที่และให้ผลผลิตดี ซึ่งที่ผ่านมาเมื่อถึงช่วงฤดูกาลเก็บเกี่ยวผลผลิตข้าวออกสู่ตลาดพร้อมกันในปริมาณมาก จึงส่งผลทำให้เกิดปัญหาราคาตกต่ำ ซึ่งกระทบโดยตรงต่อรายได้ของเกษตรกร


         ทั้งนี้กระทรวงเกษตรฯ ได้วางแผนในการจัดการผลผลิตข้าวในพื้นที่บางระกำโมเดล โดยการรวบรวมและกระจายผลผลิตข้าวสู่ตลาดผ่านกลไกสหกรณ์ในพื้นที่ พร้อมทั้งร่วมมือกับกระทรวงพาณิชย์ จัดทำแผนการตลาดนำการผลิต และการสร้างมูลค่าเพิ่ม เพื่อให้สอดคล้องกับนโยบายของรัฐบาล ซึ่งในปีนี้ ได้เริ่มดำเนินการส่งเสริมให้เกษตรกรนาแปลงใหญ่ปลูกข้าวสายพันธุ์ กข43 ซึ่งเป็นข้าวที่มีน้ำตาลน้อย เหมาะสำหรับผู้ต้องการลดน้ำหนักและป่วยเป็นเบาหวาน และกำลังเป็นที่ต้องการของตลาดโดยเฉพาะในกลุ่มคนรักสุขภาพ ซึ่งมีแนวโน้มว่าจะขยายพื้นที่การเพาะปลูกเพิ่มขึ้น เพื่อให้สอดคล้องกับปริมาณความต้องการของตลาด ดังนั้น หากมีการขยายผลเพิ่มพื้นที่การเพาะปลูกข้าวสายพันธุ์ กข43 ในเขตพื้นที่บางระกำโมเดล โดยการส่งเสริมให้เกษตรกรรวมกลุ่มทำการเพาะปลูก จึงเป็นโอกาสที่จะช่วยทำให้เกษตรกรมีรายได้เพิ่มขึ้น
         ขณะที่ นายสมศักดิ์ แสนศิริ สหกรณ์จังหวัดพิษณุโลก เผยว่า ที่ผ่านมาสหกรณ์การเกษตรพรหมพิราม จำกัด ได้ดำเนินการรวบรวมผลผลิตข้าวเปลือกจากสมาชิกและเกษตรกรทั่วไปที่อยู่ในพื้นที่โครงการบางระกำโมเดล ปริมาณ 19,862 ตัน คิดเป็นมูลค่า 125,820,612 บาท โดยสหกรณ์รับซื้อในราคานำตลาด เพื่อร่วมแก้ไขปัญหาราคาข้าวตกต่ำและเป็นการช่วยเหลือเกษตรกรให้มีรายได้เพิ่มขึ้นอีกทางหนึ่ง